สำหรับคนที่สนใจใช้บริการรับจำนำรถมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถทุกชนิด หรือสินเชื่อโฉนดที่ดิน จะเห็นได้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังมีการประกาศให้คิดดอกเบี้ยแบบ “ลดต้น ลดดอก” ซึ่งดอกเบี้ยเงินกู้ที่เรารู้จักกันนั้น มีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate) และดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) ซึ่งหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่าวิธีคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ดอกเบี้ยคงที่ คืออะไร และต่างกันอย่างไร วันนี้จะพาไปไขข้อสงสัยกัน
ทำความรู้จักดอกเบี้ยแบบคงที่
ดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) คืออัตราดอกเบี้ยที่ผู้ให้กู้ได้ทำการกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ทำสัญญา โดยมีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยมาให้แบบคงที่ โดยเป็นการคำนวณจากจำนวนเงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปีทั้งสัญญา และผู้กู้ต้องทำการชำระในอัตราการคิดดอกเบี้ยที่เท่ากันในแต่ละงวดของการชำระหนี้ จนกว่าผู้ขอสินเชื่อจะจ่ายครบตามสัญญากู้ที่ได้ตกลงไว้ มักนิยมใช้ในบริการสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ หรือสินเชื่อเช่าซื้อรถทุกชนิด
จุดเด่น : หากผู้กู้ไม่มีแผนปิดบัญชีก่อนกำหนด และเน้นการผ่อนระยะยาวตามระยะสัญญากู้ที่ได้ตกลงไว้ การเลือกผ่อนแบบดอกเบี้ยคงที่จะคุ้มค่า เพราะมีจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวดที่แน่นอน ทำให้สามารถวางแผนการชำระเงินล่วงหน้าได้
จุดด้อย : แต่หากผู้กู้มีเงินก้อนสำหรับการปิดบัญชีก่อนกำหนดได้ ก็ยังคงต้องจ่ายดอกเบี้ยคงเหลือตามสัญญา ถึงแม้ว่าบางสถาบันการเงินจะมีส่วนลดดอกเบี้ยคงเหลือให้ ก็ยังถือว่าจ่ายแพงกว่าการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอยู่ดี
วิธีคิดคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่
วิธีการคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด = (เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปีทั้งสัญญา)
ตัวอย่าง
นายแดงมีการกู้เงิน 100,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 21% ต่อปี ระยะเวลาสัญญา 3 ปี ทำเป็นสัญญารายเดือน
- ทำให้นายแดงมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งสัญญา คือ (100,000 x 21% x 3 ) เท่ากับ 63,000 บาท
- โดยมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน คือ ((100,000 x 21% x 3) / 36 เดือน) เท่ากับ 1,750 บาท
- เมื่อคิดรวมกันเงินต้นที่ต้องจ่าย (100,000/36) เท่ากับ 2,777 บาท นายแดงจึงมีค่างวดที่ต้องชำระทั้งหมดเดือนละ 4,527 บาท
ทำความรู้จักดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate) คืออัตราดอกเบี้ยที่ผู้ให้กู้กำหนดอยู่ในรูปแบบที่เมื่อมีการชำระหนี้ในแต่ละงวดจะทำให้เงินต้นคงเหลือลดลง ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละครั้งจะลดลงตามไปด้วย เป็นรูปแบบที่นิยมใช้คำนวณดอกเบี้ยของสินเชื่อเกือบทุกประเภท เช่น บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บริการรับจำนำรถมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถทุกชนิด หรือบริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน เป็นต้น
จุดเด่น : เมื่อผู้กู้ทำการผ่อนชำระหนี้ไปในแต่ละงวดแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในครั้งต่อ ๆ ไปก็จะลดลงและถูกลงเรื่อย ๆ ซึ่งหากผู้กู้มีเงินก้อนมาโปะได้ ก็จะทำให้เงินต้นที่ต้องผ่อนมีจำนวนเหลือน้อยลง และอัตราดอกเบี้ยในงวดถัดไปจะลดลงไปตามเงินต้นคงเหลือ ทำให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง ส่งผลให้สามารถหมดหนี้ได้ไวมากขึ้น
วิธีคิดคำนวณ
วิธีการคำนวณหาดอกเบี้ยในแต่ละงวด = (จำนวนเงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ย) ÷ 365 x 31 = จำนวนที่นำไปหักดอกเบี้ยในแต่ละเดือน (31= คิดอัตราดอกเบี้ยเป็นรายวัน)
ตัวอย่าง
นายแดงกู้เงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 21 % ต่อปี ระยะเวลาสัญญา 3 ปี ทำเป็นสัญญารายเดือน
- นายแดงมีอัตราดอกเบี้ยต่อเดือน (21% / 12) = 1.750%
- โดยอัตราดอกเบี้ยต่อวัน (21% / 365) = 0.0575%
- มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งสัญญา คือ 35,611.39 บาท
- มีค่างวดที่ต้องชำระเดือนละ 3,767 บาท
ถ้าหากนายแดงมาชำระเงินจ่ายเดือนแรกตรงกำหนดชำระ จะเป็นเงินต้น 1,983.44 บาท และดอกเบี้ย 1,783.56 บาท และเดือนถัดไปจะถูกคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือที่ 98,016.56 บาท
วิธีคำนวณลดต้นลดดอก vs คำนวณแบบดอกเบี้ยคงที่ แบบไหนดีกว่า
จากตัวอย่างข้างต้น รูปแบบการคำนวณดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายตลอดสัญญาจะเห็นได้ว่าการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะถูกกว่าการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่อย่างเห็นได้ชัด รวมถึงหากมีเงินก้อนมาโปะ หรือปิดบัญชีล่วงหน้า จะจ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่ามาก
สำหรับคนที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเลือกซื้อมอเตอร์ไซค์ หรือต้องการใช้บริการรับจำนำรถมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถทุกชนิด หรือสินเชื่อโฉนดที่ดิน ที่ สบาย ลีสซิ่ง ให้คุณได้เงินด่วนทันใจ กับบริการสินเชื่อ ที่มีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก สามารถกู้ง่าย อนุมัติไว ให้ยอดสูง หากอยากปิดบัญชีก่อนกำหนด ไม่มีค่าปรับ แถมยังมีส่วนลดดอกเบี้ยให้ เป็นกำลังใจให้คนทำมาหากิน
สนใจติดต่อขอสินเชื่อกับสบาย ลีสซิ่ง สมัครได้ทั้งทางออนไลน์และทุกสาขาใกล้บ้าน สอบถามเพิ่มเติมโทร. 055-000-600 หรือติดต่อทาง LINE Official @sabuyleasing เพราะทุกความสบายใจเป็นไปได้ ที่ สบาย ลีสซิ่ง