ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อันตราย บรรเทาได้ด้วยการช่วยกันดูแลรักษารถยนต์

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อันตราย บรรเทาได้ด้วยการช่วยกันดูแลรักษารถยนต์

หลายคนคงได้ยินเรื่องนี้กันมาหลายปีแล้ว ว่าฝุ่น PM 2.5 มีอันตราย เพราะปริมาณที่ฟุ้งกระจายมหาศาลและขนาดที่เล็กมากๆ ของมัน แล้วเราจะป้องกันตัวเองอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศเช่นนี้ในประเทศไทย ที่มีตัวการสำคัญอย่างฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นภัยเงียบคุกคามสุขภาพ และรู้หรือไม่ว่าการหมั่นดูแลรักษารถยนต์ให้มีสภาพดี ก็เป็นหนึ่งในวิธีบรรเทาปัญหานี้ได้ อีกทั้งยังช่วยให้การขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ได้วงเงินดีด้วย

อย่างไรก็ดี บทความนี้เป็นการให้ข้อมูลและคำแนะนำพื้นฐาน ไม่ใช่บทความทางการแพทย์

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร ทำไมต้องมีเลข 2.5?

ฝุ่น PM 2.5 คืออนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตร นั่นคือเล็กกว่าเส้นผมถึง 25-30 เท่า เป็นที่มาของตัวเลขนั่นเอง (ให้ลองนึกว่าตัดผมออกเป็นเส้นย่อยอีก 25-30 เส้น แล้วหยิบมา 1 เส้น นั่นแหละคือขนาดของฝุ่น PM 2.5) อนุภาคที่เล็กระดับนี้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและสามารถแทรกซึมเข้าทั่วร่างกายของเราได้ผ่านการหายใจเข้าไป อนุภาคเหล่านี้ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ และอวัยวะอื่นๆ เช่น ปอด หัวใจ และสมอง ที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหลอดเลือดและสมอง โรคผิวหนังอักเสบ เป็นต้น

สาเหตุของฝุ่น PM 2.5 มีอะไรบ้าง?

 สาเหตุหลักของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในบ้านเราเกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้
    • การเผาไหม้ เช่น การเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่หาของป่า เผาขยะ การเผาในภาคเกษตรกรรมที่มักพบมากในภาคเหนือและภาคอีสาน และการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากยานพาหนะ

โดยเฉพาะเครื่องยนต์รุ่นเก่าที่ยังไม่มีการติดตั้งท่อแคตตาไลติก (อุปกรณ์นี้ใช้ความร้อนและกระบวนการทางเคมีเปลี่ยนสารพิษจากการเผาไหม้ให้มีพิษน้อยลงก่อนปล่อยออกจากท่อไอเสีย) การถอดท่อแคตตาไลติกออก หรือการดัดแปลงเครื่องยนต์ก็ทำให้มีโอกาสปล่อยควันเสียออกมามากกว่าด้วยเช่นเดียวกัน

การดูแลรักษารถยนต์ตามกำหนด เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะเวลา ล้วนเป็นวิธีที่ทำเครื่องยนต์มีสมรรถนะพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ลดการสึกหรอ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ปกติเต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ

  • กิจกรรมทางอุตสาหกรรม การปล่อยมลพิษทางอากาศของโรงงานอุตสาหกรรม จากปล่องระบายควัน ระบายไอเสีย
  • การก่อสร้าง ฝุ่นละอองจากการก่อสร้างถนนและอาคาร การตัดถนนในบางจุดกินระยะเวลานาน ทำให้ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศยาวนานต่อเนื่อง
  • การเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจำพวกฟอสซิล ได้แก่ ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า

ฝุ่น PM 2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?

ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าขนาดของฝุ่น PM 2.5 นั้น มีขนาดเล็กมาก จนสามารถซึมผ่านไปยังเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ ดังนั้นการได้รับฝุ่นชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ มีจำนวนผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศมากกว่า 1 ล้านคนในบ้านเรา โดยอาจเกิดโรคต่างๆ ดังนี้
  • ระบบทางเดินหายใจ เกิดอาการไอหนัก หายใจติดขัด หอบหืด หากรุนแรงมากสามารถนำไปสู่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ระบบประสาท อาจส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และความจำ ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กเล็ก และความจำในผู้สูงอายุ
  • มะเร็ง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด เพราะเนื้อเยื่อปอดเกิดการระคายเคืองติดต่อกันเป็นเวลานาน

วิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM 2.5

แม้เราจะไม่สามารถควบคุมปริมาณฝุ่นพิษนี้ในอากาศได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถป้องกันตัวเองและลดผลกระทบได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ก่อนออกจากบ้านควรตรวจสอบค่าฝุ่นในพื้นที่ที่เราจะไป วิธีที่สะดวกที่สุดคือ แอปตรวจสภาพอากาศที่มีให้เลือกดาวน์โหลดทั้งของไทยและต่างประเทศ
  • สวมหน้ากาก สวมหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 เช่น N95 หรือหน้ากากที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ ควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง ในวันที่ค่าฝุ่นสูง ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพราะเมื่อเหนื่อยหอบ จะหายใจถี่และแรงขึ้น ทำให้ได้รับปริมาณฝุ่นมากกว่าการหายใจปกติ ให้ออกกำลังกายในบ้านหรือในอาคารแทน
  • ปิดประตูหน้าต่าง เมื่ออยู่ในบ้านหรืออาคาร ควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศ การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในบ้านได้ เลือกไส้กรองให้เหมาะสม และเปลี่ยนไส้กรองเมื่อถึงกำหนด ไม่ควรนำไส้กรองกลับมาใช้ซ้ำ
  • ปลูกต้นไม้ มีต้นไม้บางชนิดช่วยดูดซับฝุ่นละอองและก๊าซพิษ ช่วยให้คุณภาพอากาศดีขึ้น สามารถเลือกปลูกให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่ภายในบ้านได้
ทั้งนี้แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในบ้านเรา เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยในสังคมตั้งแต่ตัวบุคคล ชุมชน ภาครัฐระดับประเทศ ไปจนถึงความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน เราทุกคนต้องเริ่มจากมีจิตสำนึก ร่วมมือกันลดปริมาณการปล่อยมลพิษ และลดการใช้พลังงาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัย ไม่ก่อโรค
 
จะเห็นได้ว่าการดูแลรักษาเครื่องยนต์ ตรวจเช็คตามระยะเวลา ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เป็นปกติ ไม่ปล่อยไอเสียมากเกินไปจากความผิดปกติของเครื่องยนต์ที่ขาดการดูแล เป็นหนึ่งในวิธีที่เจ้าของรถสามารถทำได้ โดยเริ่มต้นที่ตัวเอง รถยนต์ที่มีการบำรุงรักษาอยู่เสมอ และมีสภาพดี ยังช่วยให้เจ้าของรถที่สนใจสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ได้วงเงินที่ดีกว่า เข้ามาปรึกษากับ สบาย ลีสซิ่ง ทุกสาขา สอบถามที่โทร 055-000-600 หรือติดต่อทาง LINE Official @sabuyleasing เพราะทุกความสบายใจเป็นไปได้ ที่ สบาย ลีสซิ่ง