7 วันสบายใจ ขับขี่ปลอดภัย ปีใหม่ไทยไร้อุบัติเหตุ

ให้ช่วงเริ่มต้นปีใหม่ไทย เป็น 7 วันสบายใจ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ เรามักได้ยินการรณรงค์ในช่วงนี้ ที่ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง การที่มีปริมาณรถเพิ่มมากขึ้นอย่างมากทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นด้วย เพราะคนส่วนใหญ่ถือโอกาสนี้วางแผนท่องเที่ยวพักผ่อน หรือเดินทางกลับบ้านเพื่อเยี่ยมเยียนญาติเพื่อนฝูง จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อุบัติเหตุบนท้องถนนมีสาเหตุจากการขับขี่ด้วยความเร็ว ดื่มแล้วขับ และการตัดหน้ากระชั้นชิด มาดูกันว่ามีแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอย่างไรได้บ้าง

เตรียมรถให้พร้อมก่อนเดินทางไกล ช่วงปีใหม่ไทย

1. 1. ตรวจสภาพความพร้อมของรถ เริ่มจากตรวจสภาพภายนอกด้วยสายตาว่ามีชิ้นส่วนใดเสียหาย จนอาจก่อให้เกิดอันตรายขณะขับขี่หรือไม่ เช่น สภาพยางรถ ใบปัดน้ำฝน เป็นต้น ในกรณีมอเตอร์ไซค์ อาจตรวจสอบ กรอบป้ายทะเบียน ขาตั้ง หรือชิ้นส่วนอะไหล่แต่งเพิ่มเติมว่าอยู่ในสภาพดี ไม่หลวมหรือใกล้หลุด ไม่มีของเหลวหยดหรือรั่วออกมาจากตัวรถ และภายในห้องโดยสารหรือรอบรถไม่มีกลิ่นน้ำมันหรือกลิ่นสารเคมีผิดปกติ ขั้นต่อไปคือตรวจสอบการทำงานภายใน เช่น ไฟเบรก ไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่างๆ ระดับน้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆ สามารถลองสตาร์ตเครื่องยนต์เพื่อทดสอบขับขี่ในระยะทางสั้นๆ เพื่อทดสอบการทำงานการคันเร่ง คลัชต์ และเกียร์ ให้แน่ใจว่าทุกระบบทำงานปกติ
   2. เตรียมอุปกรณ์เผื่อกรณีฉุกเฉิน สามารถเตรียมอุปกรณ์บางอย่างเอาไว้ในรถ เผื่อมีเหตุและจำเป็นต้องใช้งานเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ได้แก่ ชุดเครื่องมือ น้ำมันเชื้อเพลิง ถังดับเพลิงติดรถ ยางอะไหล่ กรณีมอเตอร์ไซค์ เช่น ชุดปะยาง เป็นต้น
   3. ตรวจสอบว่าถึงการบำรุงรักษาตามระยะแล้วหรือยัง หากถึงกำหนดที่ต้องนำรถเข้าศูนย์หรือเปลี่ยนถ่ายของเหลว ปรับแต่ง เปลี่ยนชิ้นส่วนตามรอบ หรือใกล้ถึงเวลาแล้ว ควรรีบดำเนินการให้เรียบร้อย เพื่อให้รถมีความสมบูรณ์พร้อมเดินทาง การไม่ใส่ใจบำรุงรักษาตามกำหนด อาจทำให้อายุการใช้งานของรถสั้นลง มีชิ้นส่วนเสียหาย เสียเงินเสียเวลาในการซ่อม ในกรณีแย่สุด คือ รถมีอาการผิดปกติระหว่างขับขี่จนนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้

แล้วผู้ขับขี่พาหนะในช่วงปีใหม่ไทย ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

1. วางแผนการเดินทาง แน่นอนว่าการไปยังจุดหมายปลายทางต้องมีการวางแผน ก่อนออกเดินทางผู้ขับขี่ควรวางแผนการเดินทางให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เช่น การจราจรที่หนาแน่น ถนนขาดจากภัยธรรมชาติ หรือการซ่อมบำรุงถนน และอาจเผื่อแผนสำรองไว้ด้วย ในกรณีที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุเฉพาะหน้าแบบไม่คาดคิด เช่น เบอร์ติดต่อตำรวจทางหลวง หรือเบอร์ติดต่อหน่วยงานที่จะให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ได้ ระหว่างการเดินทาง
2. เคารพกฎจราจร เมื่อทุกคนต่างใช้ถนนร่วมกัน ก็ต้องมีกฎจราจรให้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเป็นระเบียบ การปฏิบัติตามกฎจราจรเป็นสิ่งสำคัญ ถือเป็นจิตสำนึกของผู้ขับขี่ รวมถึงการให้ความร่วมมืออย่างดีต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่บนถนนก็ควรทำเช่นกัน หลักปฏิบัติเบื้องต้น ได้แก่ ไม่ใช้ความเร็วเกินกำหนด สังเกตป้ายจราจรต่างๆ ไม่แซงรถคันอื่นในช่องห้ามแซง ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ และไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่ เป็นต้น
3. คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อคขณะขับขี่ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดความรุนแรงและการบาดเจ็บที่จะเกิดกับผู้ขับขี่ ช่วยให้ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้หากเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ดี ผู้ใช้รถยนต์สามารถสวมแว่นกันแดด เพื่อไม่ให้มีความตึงเครียดจากแสงจ้าแยงตา และสวมรองเท้าที่กระชับไม่ใช่รองเท้าแตะหรือส้นสูง เพื่อให้สามารถเหยียบคันเร่งหรือเบรกได้ถนัด
4. พักผ่อนให้เพียงพอ ข้อสุดท้ายแต่สำคัญที่สุด หากสภาพผู้ขับขี่มีสถาพร่างกายไม่พร้อม คำแนะนำที่ผ่านมาก็แทบไม่มีความหมายเลย การขับขี่ระยะไกล เป็นเวลานานทำให้อ่อนเพลียจนไปถึงง่วงหลับใน จึงควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง หากรู้สึกร่างกายเหนื่อยล้า ให้หาที่จอดพักทันที และให้แน่ใจว่าร่างกายสดชื่นแล้วค่อยออกเดินทางต่อ